กล้องดิจิทัลวินเทจที่ควรมี

loading
loading

เมื่อช่วงที่ผ่านมาก มีเทรน Y2K ที่เป็นกระแสที่มาแรงมา ทำให้ผู้คนหรือเหล่าวัยรุ่นล้วนหาสิ่งของ หรือแม้แต่เทคโนโลยีแบบวินเทจเพื่อการสร้างสรรค์ภาพถ่ายให้เหมือนช่วงปี ค.ศ. 2000 ให้เข้ากับเทรนที่กำลังมาแรงและเหล่าวัยรุ่นไม่ควรพลาด

ทำไมผู้คนถึงกลับมาสนใจกล้องดิจิทัลวินเทจอีกครั้ง?

ทำไมผู้คนถึงกลับมาสนใจกล้องดิจิทัลวินเทจอีกครั้ง?

กล้องดิจิทัลวินเทจสามารถให้ประสบการณ์การถ่ายภาพที่ไม่เหมือนใคร แน่นอนว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีเติบโตขึ้นทุกวัน รวมไปถึงเทคโนโลยีในการถ่ายภาพด้วย

ฉะนั้นแน่นอนว่ากล้องวินเทจจะให้ความเอกลักษณ์ที่กล้องสมัยให้ไม่ได้ ด้วยความบกพร่องและไม่สมบูรณ์ของตัวมันเอง ไม่ว่าจะเป็นความเบลอ ภาพที่ไม่คมชัด หรือแม้แต่โทนสี นอกจากนี้ยังเป็นความคิดถึง และหากคุณเคยใช้กล้องเหล่านี้ในช่วงเวลานั้น การซื้อมันกลับมาใช้อีกครั้งก็ทำให้ได้หวนคิดถึงในช่วงเวลานั้นเช่นกัน

แต่อีกประเด็นที่คุณต้องระวังและศึกษาคือ กล้องดิจิทัลรุ่นแรกบางตัวอาจหาได้ยาก และบางตัวอาจใช้งานไม่ได้แล้ว ทำให้เวลาที่คุณเลือกซื้อกล้องวินเทจมือสอง คุณต้องระมัดระวังและใส่ใจมันพอสมควร ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมกล้องดิจิทัลรุ่นแรกที่เราชื่นชอบมาไว้ที่นี่แล้ว

1. Fujifilm F10 (6MP, 2005) 

1. Fujifilm F10 (6MP, 2005) 

คุณสมบัติเบื้องต้น

+ เซนเซอร์ 6.3MP ที่ให้การจับรายละเอียดภาพที่เพียงพอสำหรับคุณภาพของภาพพิมพ์ขนาด 14 x 19 นิ้ว

+ ให้การซูม optical 3x และหน้าจอแสดงผล LCD ขนาดใหญ่ถึง 2.5นิ้ว

+ ความไวจำกัดของ ISO อยู่ที่ 1600 โดยใช้เวลาเปิดกล้องอยู่ที่ 1.3วินาที, ช่วงเวลาการถ่ายภาพ 1.2 วินาที และช่วงเวลาในการกดชัตเตอร์ .01 วินาที

+ แบตเตอรี่ Lithium-ion ที่สามารถชาร์จซ้ำได้ โดยความสามารถในการใช้งานอยู่ที่ 500 ภาพ / การชาร์จ 1 ครั้ง

+ เก็บภาพต่างๆ บนหน่วยความจำ การ์ด XD- Picture (รวมถึงการ์ด 16MB)

Fujifilm Finepix F10 เป็นกล้องตัวแรกมันโดดเด่นอย่างมากในเวลานั้น เนื่องจากมีความก้าวกระโดดอย่างมากในประสิทธิภาพในการทำงานในสภาวะแสงน้อย และความสามารถในการจัดการจุดรบกวน สิ่งเหล่านี้หมายความว่าเมื่อตอนกล้องนี้ออกมา มันเป็นครั้งแรกที่คุณสามารถใช้ความไวแสง ISO สูงในกล้อง compact ได้ที่คุณจะไม่ผิดหวัง

ข้อเสีย: กล้องเหล่านี้ใช้การ์ดหน่วยความจำ XD ซึ่งมีจำหน่ายในขนาดสูงสุด 2GB รวมไปจนถึงกล้องรุ่นประหยัดอย่าง Fujifilm F20 (2006) ด้วยเช่นกัน

2. Ricoh GR Digital (8MP, 2005) 

2. Ricoh GR Digital (8MP, 2005) 

คุณสมบัติเบื้องต้น

+ กล้องให้คุณภาพการใช้งานที่สูงและมีความคมชัดพร้อมสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพ

+ รุ่น high-end ที่มีพร้อม aperture priority, การเปิดรับแสงด้วยตนเอง และโหมดเปลี่ยนโปรแกรม

+ การตอบสนองของชัตเตอร์อย่างงรวดเร็วเพื่อการจับภาพในช่วงเวลาที่สำคัญ

+ แฟลชระยะใกล้ในโหมด Macro อยู่ที่ประมาณ 1.5 ซม.

+ กล้องให้การใช้แบตเตอรี่ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จซ้ำได้ รวมไปจนถึงการใช้แบตเตอรี่ AAA ในยามฉุกเฉินก็ได้เช่นกัน

Ricoh GR Digital เป็นกล้องที่ให้เลนส์คงที่เทียบเท่า 28มม. พร้อมโฟกัสอัตโนมัติที่ไม่สามารถซูมได้ หากคุณต้องการเปลี่ยนทางยาวโฟกัส คุณจะต้องซื้ออะแดปเตอร์มุมกว้างหรือ telephoto ที่เป็นอุปกรณ์เสริม หรือทำการครอบตัดรูปภาพเท่านั้น

และสิ่งที่สำคัญคือประสิทธิภาพของ Macro ค่อนข้างทำงานได้ดี แม้ว่าจะมีการโฟกัสช้าไปบ้างก็ตาม แม้ว่ามันจะเหมาะกับการถ่ายภาพสตรีทและความเร็ว แต่ด้วยโฟกัสที่ตั้งไว้ล่วงหน้าทำให้คุณอาจไม่ได้รูปที่โฟกัสสมบูรณ์ทุกรูป

ข้อดี : มันมีขนาดที่เล็กกว่ากล้องฟิล์มแบบ compact 35มม. และสามารถเพิ่มช่องมองภาพแบบ optical เสริมได้ และหากแบตเตอรี่หมด คุณก็สามารถใช้แบตเตอรี่ AAA 2 ก้อนแทนได้ และสามารถเพิ่ม SD GR Digital IV เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบป้องกันภาพสั่นไหว

3. Olympus C-750 (2003) 

3. Olympus C-750 (2003) 

คุณสมบัติเบื้องต้น

+ เป็นกล้องตัวแรกที่ให้การซูม optical ถึง 10x และยังให้ CCD ที่ความละเอียด 4MP

+ เป็นกล้องดิจิทัลซูม optical 10x ที่กะทัดรัดที่สุดในโลก

+ คุณสมบัติภาพ motion-image ชั้นสูง รวมถึงเวลาบันทึกสูงสุด 56 นาทีและฟังก์ชัน Fast Play

+ มีอุปกรณ์เสริมมากมายสำหรับความสามารถในการถ่ายภาพที่เพิ่มขึ้น

+ การออกแบบตัวเครื่องที่โดดเด่นและใช้งานง่ายเป็นพิเศษ

กล้อง Olympus C-750 มีการพัฒนาที่มากกว่ารุ่น C-765 โดยมีตัวกล้องใหม่ ซึ่งเป็นกล้องดิจิตอลซูม 10x ที่ “เล็กที่สุดในโลก” และมีเซนเซอร์ CCD 4MP และยังเปลี่ยนเลนส์จาก 38 มม. เป็น 380 มม. แม้ว่าเลนส์ไม่ใช่มุมกว้างมากนักแต่ก็เป็นเรื่องปกติของกล้องในช่วงเวลานั้น นอกจากนี้ยังมี Super Macro ที่ให้คุณโฟกัสวัตถุที่อยู่ห่างออกไปถึง 3ซม. อีกด้วย

4. Canon Powershot S90 (2009) 

4. Canon Powershot S90 (2009) 

คุณสมบัติเบื้องต้น

+ แป้นหมุนเลือกโหมดเฉพาะอยู่ด้านบนตัวกล้อง พร้อมด้วยตำแหน่ง “C” (การตั้งค่ากล้องเฉพาะที่บันทึกไว้)

+ การถ่ายภาพแบบ RAW file

+ การซูมเทียบเท่า 28 – 105 มม. (อัตราส่วน 3.8x.)

+ หน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ 3 นิ้ว (อัตราส่วนภาพ 3:4) และให้การแสดงผลในขนาดเต็มหน้าจอ

+ ความเร็วชัตเตอร์ 15วินาที – 1/1,600

แม้ว่ากล้องรุ่นนี้เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น มันอาจจะยังไม่มีความโดดเด่นที่มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังขอแนะนำกล้องรุ่นนี้ เนื่องจากมันสามารถใช้การชดเชยแสงที่ -0.3EV และยังสามารถเลือกสีที่สดใสทำให้คุณได้ภาพที่น่าจะจำมากขึ้น

Canon Powershot S90 และ S95 มีเซนเซอร์ CCD แต่ S100 เป็นต้นไป Canon เปลี่ยนไปใช้เซนเซอร์ BSI CMOS และแน่นอนว่ากล้อง S90 และ S95 นั้นไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่ S95 ก็มีการปรับปรุงช่วงไดนามิกด้วยโหมด HDR และปรับปรุงให้มีตัวเลือกช่วงไดนามิกมากขึ้น

5. Sigma DP1 (2008) 

5. Sigma DP1 (2008) 

คุณสมบัติเบื้องต้น

+ มีรูปแบบเซนเซอร์: Sigma DP1 มาพร้อมกับเซนเซอร์ Foveon X3 CMOS ขนาด APS-C ที่มีความละเอียด 14.45MP

+ Sigma DP1 มาพร้อมกับเลนส์ความยาวโฟกัส 16.6 มม. (เทียบเท่ากับ 28 มม. ในรูปเทียบเท่ากับกล้องฟิล์ม)

+ ให้ระบบโฟกัสแบบคู่ คือ ระบบโฟกัสแบบคู่ (Dual Focus) ที่ใช้เทคโนโลยีแยกโฟกัสแบบคู่ เพื่อให้การโฟกัสเร็วและแม่นยำ

+ หน้าจอ LCD ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ให้การแสดงผลภาพที่คมชัด

Sigma DP1 เป็นกล้อง APS-C ขนาดกะทัดรัดที่สุดในเวลานั้น และยังมีตัวกล้องที่สวยงาม มาพร้อมการออกแบบและรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย ซึ่งมันถูกออกแบบมาเพื่อให้ผลลัพธ์แบบฟิล์มรุ่นเก่า ทำให้กล้องนี้มีคุณภาพต่ำมากเมื่อใช้ความไวแสง ISO สูงขึ้น

และสิ่งที่ยอดเยี่ยมในกล้องนี้คือ เซนเซอร์ Foveon ที่ให้ข้อมูลสี R, G, B จริงสำหรับทุกพิกเซล แต่จำนวนเมกะพิกเซลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้เรื่องนี้น้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากไม่มีการแก้ไข Sigma DP1 ซีรีส์จึงให้ภาพ 4.69MP

fdhjkfajksfksadfjkldasjfksaljklfjdalkfjksjhafjkdsahfjkhsadkfhakfdhjkfajksfksadfjkldasjfksaljklfjdalkfjksjhafjkdsahfjkhsadkfhaddddk
download app
สแกนดาวน์โหลดApp