10 Mechanical Keyboard สำหรับมนุษย์เงินเดือน ดีไซน์สวย คุณภาพดี
Mechanical Keyboard เป็นอะไรที่เหมือนจะจำเป็นต้องมี ไม่ว่าจะดีไซน์เอย เสียงกดเอย สีสันเอย มันพลาดไม่ได้ที่จะต้องเก็บเอาไว้ให้เห็นต่างหน้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเลือกกันหน่อยอันนี้ถ้าซื้อมาแต่ไม่ฟังก์ชันใช้งานไม่ได้ก็คงไม่คุ้มที่จะลงทุนใช่ไหมคะ วันนี้ เลือก Mechanical Keyboard ที่คิดว่าน่าสนใจและฟังก์ชันมาฝากเพื่อน ๆ แล้วนะคะ ถ้าอยากรู้ว่าแบบไหนบ้าง ราคาดีแค่ไหนตามมาดูกันต่อได้เลยย!
Mechanical Keyboard ดียังไง ทำไมถึงน่าใช้ ?
สำหรับบางคนอาจมองว่า Mechanical Keyboard เป็นเหมือนคีย์บอร์ดแฟชั่นมากกว่าฟังก์ชันใช่ไหมคะ ต้องบอกว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ลองใช้แล้วดันติดใจขึ้นมาจริง ๆ ปกติคีย์บอร์ดประเภทนี้จะตอบสนองไว ทนทานสูง และมีความโดนเด่นเป๋ยของตัวเอง นอกจากนี้เรายังสามารถปรับแต่งตัวคีย์บอร์ดได้ตามใจชอบอีกด้วยนะคะ เท่ากับ Mechanical Keyboard ไม่ได้มีดีแต่เรื่องของการออกแบบแต่การใช้งานก็จึ้งไม่แพ้กัน
ใดใดคือตัวสวิตช์ของเขาสามารถเปลี่ยนได้อีกเหมือนกัน ทำให้เจ้า Mechanical Keyboard ซ่อมง่าย ถ้าปุ่มไหนเสียก็สามารถซ่อมแค่ปุ่ม ๆ นั้นได้เลยไม่ต้องยกบอร์ด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแลกมากับขนาดของคีย์บอร์ดที่มีความใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย และน้ำหนักก็มากกว่าคีย์บอร์ดประเภทอื่น ๆ อีกด้วย ถึงแม้ Mechanical Keyboard จะเรียกว่า Low Profile เน้นความพกพาง่าย น้ำหนักเบาและมีขนาดเล็ก แต่ตัวแป้นพิมพ์ก็จะเตี้ยตามไปด้วยนั่นเองค่ะ
3 เทคนิคการเลือก Mechanical Keyboard แบบง่าย ๆ!
-
เทคนิคที่ 1 : เลือก Mechanical Keyboard จากสีสวิตช์ ต้องบอกว่าสวิตช์ Mechanical ที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กันมากที่สุดในบ้านของเราจะเป็น Red Switch, Blue Switch, Brown Switch และ Black Switch ซึ่งแต่ละสีจะให้การสัมผัสและการกด รวมถึงเสียงที่แตกต่างกัน เราจะพาทุกคนดูถึงความแตกต่างกันนะคะ
-
Red Switch : เป็นสวิตช์ที่มีการกดแบบจังหวะเดียว ทำให้ตอบสนองไว เวลากดจะได้ความรู้สึกไหลลื่น เพราะแรงต้านน้อยมาก เหมาะกับเกมเมอร์หรือสายพิมพ์งานที่เน้นเรื่องการกดปุ่มด้วยความรวดเร็ว นอกจากนี้เขายังมีเสียงรบกวนน้อยมากถึงมากที่สุดทำให้เหมาะกับการใช้งานในที่ที่มีคนเยอะ ๆ อีกด้วย
-
Blue Switch : สีนี้มีการกดแบบ 2 จังหวะ ทำให้มีแรงต้านสูงลดปัญหาเวลามือลั่นได้ดี เพราะว่าจะพิมพ์ติดต้องออกแรงมาก ๆ ซึ่งข้อดีคือการสนุกและได้ความเพลิดเพลินเวลาเล่นเกมแบบจังหวะเดียวกัน และด้วยความที่ Blue Switch จะมีเสียงดังคลิกที่เกิดขึ้นจากการกดปุ่มทุกครั้ง ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานท่ามกลางคนหมู่มาก เพราะอาจจะสร้างความรำคาญให้กับคนรอบข้างได้
-
Brown Switch : สีให้สัมผัสการกดคล้าย ๆ กับตัว Blue Switch แต่จะใช้การกดแบบ 2 จังหวะ ให้แรงต้านน้อยกว่าและมีเสียงเงียบคล้ายกับ Red Switch ด้วยการออกแบบที่อยู้กึ่งกลางระหว่างสองอย่างนี้ ทำให้เหมาะกับคนที่ชอบกดปุ่มแบบ 2 จังหวะ แต่ไม่อยากให้การพิมพ์มีเสียงดีงนั่นเอง
-
Black Switch : สีนี้มีรูปแบบนี้การกดจังหวะเดียวคล้ายกับ Red Switch แต่เวลากดจะรู้สึกได้ว่ามีความหน่วงเล็กน้อย อีกทั้งยังตอบสนองฉับไวและไม่มีเสียงดังคลิก ข้อดีของสวัตช์แบบนี้จะลดโอกาสมือลั่นได้มากกว่าแบบ Red Switch ด้วยค่ะ
-
-
เทคนิคที่ 2 : เช็กฟังก์ชันของ Mechanical Keyboard เลือกสีสวิตช์กันเสร็จแล้วก็ต้องเช็กหรือว่าตรวจสอบฟังก์ชันที่ช่วยให้เราใช้งานได้สะดวกอย่างละเอียดกันอีกสักหน่อย เพื่อให้ใช้งานตัวคีย์บอร์ดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างพวก Hot-Swappable ที่สามารถเปลี่ยนตัวสวิตช์ได้แบบไม่ต้องบัดกรี, Anti-Ghosting และ N-Key Rollover ทำให้ทุกคนสามารถกดปุ่มบนคีย์บอร์ดได้พร้อมกันหลาย ๆ ปุ่ม หรือการตั้งค่าชุดคำสั่งเพื่อช่วยสำหรับการเล่นเกมแนว MMORPG ได้สะดวกมากขึ้น อีกทั้งถ้าใครที่เป็นสายเกมเมอร์ก็ต้องเช็กฟังก์ชันไฟ RGB ด้วยเหมือนกันว่าสามารถปรับตั้งค่าอะไรได้อีกไหม เหมือนจะไม่ยุ่งยากแต่ถ้าทำไม่ดีก็จะทำให้เราใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิอย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง
-
เทคนิคที่ 3 : เลือก Mechanical Keyboard ที่ไร้สายได้จะดีกว่า เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ต้องบอกว่าคีย์บอร์ดที่ใช้งานสะดวกมักจะเป็นแบบไร้สาย ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมด้วยบูลทูธหรือจะใช้เป็น USB Wireless แบบเฉพาะก็ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรข้ามมาก ๆ สำหรับการใช้งานหลัก ๆ แล้วจะมักจะเป็นคลื่นความถี่ 2.4 GHz เหมือนกันทั้งคู่ แต่ความแตกต่างจะอยู่ที่แบบบูลทูธไม่ต้องใช้ตัวรับสัญญาณเฉพาะ เรียกได้ว่าใช้กับคอมเครื่องไหนถ้าเปิดบูลทูธมาก็สามารถใช้งานได้เลย แต่ถ้าใช้เป็นระบบ USB Wireless ก็จะได้เปรียบตรงที่ถ้าคอมของใครไม่มีบูลทูธหรือระบบบูลทูธใช้งานไม่ได้การมี USB Wireless ก็เหมาะกับการใช้งานมากกว่าค่ะ
Tsunami MK03 Gaming Keyboard
Tsunami ออกแบบคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่นนี้ให้มีสีสันที่สดใสโดดเด่นตรงใจของผู้เล่นมาก ๆ เลยค่ะ ใครที่กำลังมองหา Mechanical Keyboard เล่นเกมราคาไม่สูงมาก รวมถึงมีการใช้ไฟ RGB ที่เพิ่มมิติให้กับบรรยากาศการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น เหมือนกับปุ่ม Keycap กว่า 87 ตัวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ที่ถอดออกได้พร้อมการเชื่อมต่อด้วย USB 2.0 ตามปกติและสามารถใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์ทุกรุ่นครบคลุมมาก ๆ ต้องตัวนี้เลย
รายละเอียดเพิ่มเติม
-
สี : น้ำเงิน, แดง, เขียว
-
การเชื่อมต่อ : ใช้สายเชื่อมต่อการใช้งาน
-
ระบบที่รองรับ : Windows
ราคา : 690 บาท
Royal Kludge KG68
ความน่ารักของคีย์บอร์ดเกมมิ่งต้องยกให้ Royal Kludge รุ่นนี้เลยค่ะ เขาออกแบบมาได้น่ารักมากก พร้อมทั้งยังมีฟังก์ชันมากมายไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ 3 รูปแบบ ทั้งแบบใช้สาย Bluetooth และ USB เลือกได้เลยว่าถนัดแบบไหน นอกจากนี้ตัวแป้นยังมีสวิตช์เปิดปิดสำหรับพักการใช้งานด้วยนะคะ ใดใดคือเราสามารถเปลี่ยนแป้นได้เองด้วยนะคะ ต้องบอกว่าราคา Mechanical Keyboard ถือว่าไม่แรงและฟังก์ชันเยอะแบบซื้อเถอะทุกคนน
รายละเอียดเพิ่มเติม
สี : ขาว, ดำ
การเชื่อมต่อ : Bluetooth และ USB
ระบบที่รองรับ : Windows และ MacOS
ราคา : 2,430 บาท
Keychron K2 V2 Wireless Hot-swappable Mechanical Keyboard
มาต่อกับคีย์บอร์ดเกมมิ่งของ Keychron กันเลยค่ะ จริง ๆ ต้องบอกว่าคีย์บอร์ดนี้เหมาะกับการเอาไปใช้งานมากกว่าแต่ถ้าภามว่าประสิทธิภาพของเจาสามารถใช้งานแบบ Gaming ได้ไหมก็ต้องบอกอีกว่าทำได้แบบไร้รอยต่อเลยค่ะ ตัวขนาดของ Mechanical Keyboard ตัวนี้กะทัดรัดไม่เปลืองพื้นที่มีสวิตช์พรีเมี่นมมาให้ และยังสามารถเชื่อต่อได้แบบ USB type-C รองรับทั้ง MacOS, Windows, iOS และ Android เท่ากับมีอันเดียวจบทุกเรื่องเลยค่ะ
รายละเอียดเพิ่มเติม
-
สี : เทาเข้ม, เทาอ่อน
-
การเชื่อมต่อ : USB Type C
-
ระบบที่รองรับ : MacOS, Windows, iOS และ Android
ราคา : 3,890 บาท
Razer Cynosa Lite Single Zone Chroma RGB
ถ้าอยากได้ Mechanical Keyboard ที่เท่ไม่เกรงใจต้องแบรนด์ Razer Cynosa Lite รุ่นนี้เลยค่ะ คีย์บอร์ดรุ่นนี้ออกแบบมาให้ทนทานและมีฟีเจอร์กันน้ำได้ด้วย เราสามารถซื้อมาและเลือกโปรแกรมคีย์ได้ใหม่ตามความถนัดไปจนถึง Game Mode เพื่อให้เราเล่นเกมได้ดีมากขึ้น เช่นเดียวกับสีของจาก Chroma RGB ที่แสดงผลได้มากถึง 16 ล้านเฉดสี แก๊! มันทั้งเม่ทั้งงานดีจนอยากสอยมาใช้เอง
รายละเอียดเพิ่มเติม
-
สี : ดำ
-
การเชื่อมต่อ : USB 2.0
-
ระบบที่รองรับ : Windows
ราคา : 1,450 บาท
SteelSeries Apex 7 Gaming Keyboard
ใครที่กำลังมองหา Mechanical Keyboard ช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการเป็นเกมเมอร์ได้ดีต้องเลือก SteelSeries Apex 7 แล้วล่ะค่ะ รุ่นนี้เขามีให้เราเลือกด้วยกัน 2 แบบ ทั้งแบบเป็นปุ่ม Blue Switch ที่เน้นไปทางการพิมพ์ที่เข้ากับการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี กับ Red Switch ที่เป็นแป้นพิมพ์ไร้เสียงเหมาะกับคนที่ชอบการเล่นแบบไหลลื่นมากกว่า ส่วนกลไลของแป้นก็ทนทานใช้งานได้มากกว่า 50 ล้านครั้งเลยทีเดียวเชียวแหละจึ้งนะอย่าหาว่า
รายละเอียดเพิ่มเติม
-
สี : น้ำเงิน, แดง
-
การเชื่อมต่อ : USB 2.0
-
ระบบที่รองรับ : Windows, MacOS
ราคา : 6,990 บาท
Corsair K60 Pro Red LED Gaming Keyboard
Mechanical Keyboard จาก Corsair รุ่นนี้เขาใช้สาย USB 2.0 รองรับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์ได้หลากหลาย ส่วนแป้นพิมพ์ยังมี Media Control ที่ใช้สำหรับการรับชมสื่อได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีฟีเจอร์ 100% อย่าง Anti-Ghosting ยิ่งช่วยให้การเล่นเกมทำได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ตัวซอตฟ์แวร์อยู่ภายใต้ตัวคีย์บอร์ด อีกทั้งการออกแบบยังออกแบบจากการใช้งานจริงของผู้เล่น E-Sports ก็ทำให้แป้นพิมพ์อันนี้มีความคุ้มค่าอย่างมากในการใช้งานเลยค่ะ
รายละเอียดเพิ่มเติม
-
สี : แดง
-
การเชื่อมต่อ : USB 2.0
-
ระบบที่รองรับ : Windows, MacOS
ราคา : 2,490 บาท
Neolution Gaming Keyboard Terrablade
มาต่อกับแบรนด์ Neolution เขาเป็น Mechanical Keyboard ที่นอกจากจะสวยงามแล้วยังคำนึงสรีระการใช้งานด้วยค่ะ คีย์บอร์ดเขาได้มีการเพิ่มปุ่มระดับเสียงเข้าในแป้นพิมพ์และสามารถล็อกระดับเสียงเอาไว้ได้ด้วย ส่วนเรื่องของความสวยงามเราสามารถเปลี่ยนปุ่มกดได้ด้วย ซึ่งอุปกรณ์เราสามารถเปลี่ยนปุ่มกดและกรอบของคีย์บอร์ดได้ด้วย แอบประทับใจเหมือนกันนะเนี่ยย
รายละเอียดเพิ่มเติม
-
สี : ดำ
-
การเชื่อมต่อ : USB Type C
-
ระบบที่รองรับ : Windows
ราคา : 1,590 บาท
Philips Mechanical Keyboard รุ่น SPK8605
สาว ๆ ที่อยากได้ Mechanical Keyboard ต้องแบรนด์ Philips เลยค่ะ เขามีกิมมิคเป็นไฟ Mixed Light พร้อมกับเสียงสวิตช์ที่ชุบใจ เขามีสีให้เลือกสองสี รุ่นนี้มี 3 ปุ่มมัลติมีเดียและเอฟเฟกต์ไฟที่เล่นได้ถึง 20 โหมด นอกจากนี้เราจะ Custom ไฟคีย์แคปเองได้หรือจะเล่นไฟที่ทางแบรนด์ตั้งค่าเอาไว้ให้เราก็ได้อีกเหมือนกัน สวยทุกแบบเลยค่ะ นอกจากนี้เขายังออกแบบแผ่นรองข้อมือมาให้เพื่อช่วยลดอาการปวดข้อมือจากงานใช้งานด้วยย
รายละเอียดเพิ่มเติม
-
สี : ขวา, ดำ
-
การเชื่อมต่อ : ใช้สายเชื่อมต่อการใช้งาน
-
ระบบที่รองรับ : Windows, Linux, MacOS
ราคา : 990 บาท
Logitech G813 Lightsync RGB Mechanical Gaming Keyboard
เชื่อว่าทุกคนรู้จักแบรนด์ Logitech กันอยู่แล้วแน่นอน ต้องบอกว่าเขามี Mechanical Keyboard ให้เราเลือกใช้เหมือนกันนะคะ คีย์บอร์ดเกมมิ่งอันนี้เป็นเชิงกลที่มีไฟ RGB สวยๆ ไม่แพ้แบรนด์อื่นๆ เลยค่ะ ตัวคีย์บอร์ดดีไซน์ออกมาเพียงบาง ปรับแต่งได้เอง ที่สำคัญสามารถเลือกคีย์ได้ 3 แบบคือ Clicky, Tactile และ Linear เชื่อมต่อด้วยสาย USB จำโปรไฟล์ได้ 3 โปรไฟล์แบบมาโคร และโปรไฟล์แสงอีก 2 โปรไฟล์ นอกจากนี้ยังเป็น Gaming Keyboard ที่รองรับตั้งแต่ Windows 7 ไปจนถึง Mac OS 10.11 ดือไหมล่ะแม่!
รายละเอียดเพิ่มเติม
-
สี : ดำ
-
การเชื่อมต่อ : USB
-
ระบบที่รองรับ : Windows และ MacOS
ราคา : 3,990 บาท
HyperX Alloy Origins Gaming Keyboard
แน่อนว่าถ้าเราเลือก Mechanical Keyboard ราคาสูงนิดหน่อย เขาต้องมาพร้อมกับความทนทานและการออกแบบที่ดีเพื่อความคุ้มค่าในการใช้งานและแบรนด์ HyperX Alloy Origins ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เขาเลือกชูจุดเด่นว่าใช้งานได้มากถึง 80 ล้านครั้งในแบบที่ไม่พังเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้พวกเขายังใช้ซอฟต์แวร์ HyperX NGENUITY มาใช้ใน Game Mode ของตัวเองด้วย และการใช้งานคู่กับสาย USB-C ในการเชื่อมต่อเพื่อให้เข้ากับความสมัยใหม่นั่นเอง
รายละเอียดเพิ่มเติม
-
สี : ดำ
-
การเชื่อมต่อ : USB-C
-
ระบบที่รองรับ : Windows
ราคา : 3,290 บาท